รถยนต์ไฟฟ้า BYD กับสิ่งแวดล้อม

รถยนต์ไฟฟ้า BYD กับสิ่งแวดล้อม

รถยนต์ไฟฟ้า

รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) เป็นยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นแหล่งขับเคลื่อน ไม่ต้องใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และมลพิษอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ ด้วยเหตุนี้ รถยนต์ไฟฟ้าจึงถือว่าเป็นรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการลดการใช้เชื้อเพลิง และลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษารถยนต์

BYD

BYD คือบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของจีน และเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเบอร์หนึ่งของโลก บริษัทมีวิสัยทัศน์ที่ว่า “Build Your Dream” หรือสร้างความฝันของคุณ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสะอาด และยานยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูง และปลอดภัย บริษัทได้เข้ามาในตลาดไทยในปี 2019 โดยมีผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการคือ Rever Automotive และได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่นให้เห็นหน้ากันแล้ว เช่น BYD T3, BYD e6, BYD Atto 3, BYD Dolphin, BYD Seal และอีกหลายรุ่นที่จะเปิดตัวในอนาคต

รถยนต์ไฟฟ้า BYD มีคุณสมบัติและข้อดีอะไรบ้าง

ที่ทำให้เป็นรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเหมาะสมกับผู้ใช้งานในปัจจุบัน มาดูกันค่ะ

blank

1. รถยนต์ไฟฟ้า BYD ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100%

ไม่ต้องใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และมลพิษอื่น ๆ ลงได้มาก มีงานวิจัยในสหรัฐอเมริกาที่เปรียบเทียบอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป ตั้งแต่กระบวนการผลิตจนถึงการกำจัดซาก พบว่ารถยนต์ไฟฟ้าสามารถลดอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้สูงถึง 50%

2. รถยนต์ไฟฟ้า BYD ใช้แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน (Lithium-ion Battery)

ที่มีประสิทธิภาพสูง และมีอายุการใช้งานยาวนาน แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนมีข้อดีในการเก็บและปล่อยพลังงานได้ดีกว่าแบตเตอรี่ประเภทอื่น ๆ และมีน้ำหนักเบา ทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีน้ำหนักน้อยลง และสามารถวิ่งได้ไกลขึ้น นอกจากนี้ แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนยังมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าแบตเตอรี่นิเกิล-เมทัลไฮไดรด์ (Nickel-metal Hydride Battery) ที่ใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าประเภทไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle: HEV) อีกด้วย

3. รถยนต์ไฟฟ้า BYD ใช้เทคโนโลยีพลังงานสะอาด (Clean Energy Technology)

ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยลดการใช้พลังงานที่มาจากแหล่งที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และมลพิษอื่น ๆ ลง และเพิ่มการใช้พลังงานที่มาจากแหล่งที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อย หรือไม่มีเลย เช่น พลังงานแสง เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ และพลังงานชีวมวล รถยนต์ไฟฟ้า BYD สามารถใช้พลังงานสะอาดเหล่านี้เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ และขับเคลื่อนรถยนต์ได้ ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานที่มาจากแหล่งที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการชาร์จแบตเตอรี่ และเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้รถยนต์ไฟฟ้า

4. รถยนต์ไฟฟ้า BYD มีระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย

และมีมาตรฐานสากล รถยนต์ไฟฟ้า BYD ได้รับการทดสอบและประเมินคุณภาพจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในประเทศจีน และต่างประเทศ รวมถึงได้รับการรับรองจาก C-NCAP (China New Car Assessment Program) และ ASEAN NCAP (ASEAN New Car Assessment Program) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทดสอบและประเมินความปลอดภัยของรถยนต์ใหม่ รถยนต์ไฟฟ้า BYD มีระบบควบคุมความเสถียร ระบบเบรกแอนติล็อก ระบบป้องกันการลื่นไถล ระบบช่วยเหลือการขับขี่ ระบบเตือนการออกนอกเลน ระบบเตือนการชนท้าย ระบบกันขโมย ระบบกันประตูเปิด ระบบกันเด็กล็อคประตู ระบบกันรถล้ม เป็นต้น ฯลฯ

สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเหตุผลบางส่วน ที่ทำให้ผู้คนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า เพราะทำให้ประหยัด เฉลี่ยกิโลเมตรละ 0.5-1 บาท มีการรับประกันแบตเตอรี่และตัวรถ ทั้งครอบคลุมค่าบำรุงรักษา รถยนต์ไฟฟ้า BYD มีสเปคที่แรงแต่ราคาเอื้อมถึง ทั้งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เป็นการพัฒนาที่ยืงยืนในอนาคต